เป็นธรรมชาติของหนอนทั้งหลาย หมายถึงหนอนผีเสื้อเมื่อมันเจริญวัยเต็มที่แล้ว มันก็จะกลายเป็นผีเสื้อแสนสวย โบยบินไปตามที่ต่างๆอย่างอิสระเสรี สร้างสีสันให้โลกนี้สวยงามมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
แต่หนอนหนังสือพันธ์อย่างผมก็กำลังจะกลายพันธ์เป็นผีเสื้อ โบยบินไปในโลกธุรกิจหลากหลายอาชีพ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแม้ถึงวันนี้มีอายุ 72 ปีแล้วก็ตาม
สาเหตุของการกลายพันธ์มีที่มาอย่างนี้ครับ กรมฯประกาศสอบเลื่อนชั้นข้าราชการจากระดับชั้นประทวนอย่างผม ขึ้นเป็นระดับข้าราชการชั้นตรี ตำแหน่งบรรณารักษ์ตรี เพราะมีตำแหน่งว่างลงหนึ่งตำแหน่ง โดยรวมแล้วไม่มีใครจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมเท่ากับผม เรียกว่าไม่มีคู่แข่งว่างั้นเถอะ เพื่อนๆและผู้บังคับบัญชาทุกแผนกต่างก็เชียร์ผมสุดๆ แต่แล้วก็เหมือนฝันสลายกลางอากาศ
อาจารย์แม้นมาส ชวลิต ที่ปรึกษาพิเศษของหอสมุดฯตอนนั้น ทำหนังสือด่วนถึงกรมฯ ขอเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนี้เป็นกรณีพิเศษ คือโอนย้ายข้าราชการบรรณารักษ์ตรี มาจากการท่าเรือ
เท่านี้แหละหนอนหนังสืออย่างผมก็ถอดใจ มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าเลยทีเดียว
เหมือนมีโชคที่จะช่วยให้ผมกลายพันธ์เร็วขึ้น พี่วรุณ ฉัตรกุล ณ อยุธยา ชายร่างเล็กชอบกระพริบตาถี่ยิบ นักประพันธ์ที่ใช้นามปากกาว่า ฝน อยุธยา ตามที่ผมเคยกล่าวถึงชื่อท่านมาแล้วในตอนก่อนของข้อเขียนนี้ มาชวนให้ผมไปสมัครงานที่ บริษัท ไทยทีวีสี ช่อง 3 ซึ่งมีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่ ชั้น 5 อาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาสีลม ซึ่งกำลังรับสมัครพนักงานจำนวนมากหลายฝ่าย ผมได้งานทันทีด้วยบารมีของพี่วรุณ ตำแหน่งคือพนักงานประสานงาน ฝ่ายจัดรายการ มีครูแก้วฟ้า (แก้ว อัจริยกุล) เป็นผู้จัดการฝ่าย พี่วรุณเป็นผู้ช่วยฯ
เมื่อผมมายื่นใบลาออกที่หอสมุดแห่งชาติ ท่ามกลางความตกตลึงของเพื่อนๆและหัวหน้าทั้งหลาย ทุกคนไม่เห็นด้วยที่ผมจะลาออกไปทำงานบริษัทเอกชน ต่างยกแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมไม่ให้ผมลาออก เหตุผลหนึ่งคือผมก็รับราชการมายาวนานถึง 6 ปีแล้ว ขอให้อดทนต่อไป วันพระไม่ได้มีหนเดียว (แต่ผมคิดในใจว่าตำแหน่งงานน่าจะมีเพียงหนเดียว)
เมื่อหัวหน้าไม่สามารถจะยับยั้งการลาออกของผมได้ บรรดาหัวหน้าทั้งหลายก็ใช้ไพ่ใบสุดท้ายกับผม ซึ่งผมยังสำนึกในพระคุณของท่านทั้งหลายอยู่จนวันนี้คือ ให้ผมลาป่วยด้วยโรคเรื้อรังครั้งละ 15 วัน ภายใน 60 วันผมสามารถจะกลับมาทำงานใหม่ได้ หากไม่ประสบความสำเร็จกับงานใหม่ โดยแสดงความจำนงไม่ขอรับเงินเดือนในช่วงที่ลาป่วยตามระเบียบของ กพ.สมัยนั้น
บริษัท ทีวีสี ช่อง 3 สมัยนั้น ประมาณ พ.ศ. 2512 มีการสร้างสถานีออกอากาศที่ถนนเพชรเกษม หนองแขม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการตอนนั้นคือ (นายห้าง)วิชัย มาลีนนท์ มีธุรกิจจำหน่ายน้ำมันมาก่อน บรรดาลูกชายสามใบเถากำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาคือ ประวิทย์ ประสาน ประชา มาลีนนท์
ทีวีสี ช่อง 3 ยุคแรกค่อนข้างมีการเมืองในบริษัทมาก แม้กระทั่งกุนซือที่ปรึกษาของนายห้างวิชัยก็ไม่ลงรอยกัน ทีวีสี ช่อง3 สมัยบุกเบิกมีการแบ่งฝ่ายงานดังนี้ ฝ่ายจัดรายการ มีครูแก้วฟ้า เป็นผู้จัดการฝ่าย ฝ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ มีสงบ สวนสิริ (สันตสิริ)นักแปลชื่อดังเป็นผู้จัดการฝ่าย ฝ่ายจัดทำฉาก มีศักรินทร์ บุญยฤทธิ์ (เสียชีวิตแล้ว) นักร้องชื่อดังเป็นผู้จัดการฝ่าย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีแสงเดือน แม้นวงศ์ เป็นผู้จัดการฝ่าย และ มีศักดิ์ นาครัตน์ เป็นผู้ช่วยฯ นอกจากนี้ก็มีฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคลและธุรการและจัดซื้อเป็นต้น
ต่อมาฝ่ายจัดรายการมีนโยบายที่จะสร้างภาพยนตร์ไทยสำหรับฉายออกอากาศทุกวัน นี่เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของครูแก้วฟ้า ที่ต่อมาฝ่ายจัดรายการไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ มีการโกงกินกันมโหฬารจนต้องเลิกจ้างพนักงานทั้งฝ่ายจำนวนประมาณ 200 กว่าคน
เมื่อมีนโยบายที่จะสร้างภาพยนตร์ฉายออกอากาศ จึงตั้งกองถ่ายภาพยนตร์ขึ้นจำนวน 6 กอง พี่วรุณเป็นหัวหน้ากองถ่ายภาพยนต์ที่จะฉายออกอากาศทุกเย็นวันพุธ ผมจึงมารับหน้าที่ในกองถ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ หน้าที่หลักๆคือ การนำใบนัดดาราเข้าฉากไปส่งนักแสดง สมัยนั้นไม่มีมือถือเหมือนวันนี้ จัดหาสถานที่ถ่ายทำ จัดหาหรือเช่าเครื่องแต่งกายนักแสดงเข้าฉาก จัดหาอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเลี้ยงในกองถ่าย เบิกจ่ายค่าตัวนักแสดง ฯลฯ หน้าที่จิปาถะนี่แหละเป็นช่องทางโกงบริษัทได้อย่างมหาศาล สำหรับผู้ทุจริต
การรั่วไหลอีกประการหนึ่งคือการจ้างคนมาทำงานเกินกว่างานที่มี เรียกว่าพวกใครก็พากันมาทำงาน เฉพาะฝ่ายจัดรายการฝ่ายเดียวมีพนักงานกว่า 200 คน