ข้างหลังชีวิต ภาคมัชฌิมวัย ตอน”คนขายเงา”(4)

ในยุคทองของโรงหนังย่านชานเมือง (พ.ศ.2511-2515) นั้น มีนายทุนที่เป็นเจ้าของโรงหนังอยู่ไม่กี่คน ที่มีโรงหนังจำนวนหลายโรง เท่าที่พอนึกได้ตอนนี้คือ เสี่ยสงวน เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องฉายหนังและอุปกรณ์ ยี่ห้อ Tokiwa ย่านวรจักร มีโรงหนังเฉลิมพันธ์ สามแยกเตาปูน โรงหนังประดิพัทธ์เธียเตอร์ ถนนประดิพัทธ์ อีกเจ้าหนึ่งคือ เสี่ยจำเริญ พูลวรลักษณ์(หลายคนเรียกเป็นเจริญ) มีโรงหนังไทยรามา วงเวียนใหญ่รามา โรงหนังสุริยาเธียเตอร์ วงเวียนใหญ่ วันนี้ทายาทรุ่นลูกชายและหลานชาย คือ วิชัย และวิชา พูลวรลักษณ์ สืบทอดธุรกิจโรงหนังแบบทันสมัยกลายเป็นเครือ EGV และ MAJOR ที่คนรุ่นใหม่ทันสมัยในกรุงเทพเป็นแฟนประจำ  ฯลฯ นอกจากนี้ก็มีกันคนละโรง เช่น เถ้าแก่เฮ้ง โจ ฮวด เจ้าของโรงหนังบางแครามา เสี่ยเจียง แห่งสหมงคลฟีล์ม มีโรงหนังมงคลรามา สะพานควาย  เป็นต้น

โรงหนังชั้นสองชานเมืองในสมัยนั้นยังมีกิจกรรมบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ให้วงดนตรีลูกทุ่งเช่าโรงแสดงในช่วงหน้าฝน เพราะวงดนตรีไม่มีงานแสดงต่างจังหวัด ที่โรงหนังบางแครามาเท่าที่ผมพอจำได้ก็มีวงดนตรี ศรคีรี ศรีประจวบ ตอนนั้นกำลังดังด้วยเพลง แม่ค้าตาคม น้ำท่วม วงดนตรี ศรีไพร ใจพระ (วันนี้คือ เก่งกาจ จงใจพระ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง) วงดนตรี บรรจบ เจริญพร เป็นต้น

เถ้าแก่ เฮ้ง โจ อวด เจ้าของโรงหนังบางแครามา ยังมีธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งคือ รับแลกเช็ค จากผู้สร้างหนังไทยที่ไม่มีเงินทุนสร้างหนังในสมัยนั้น คิดดอกเบี้ยถูกๆ แต่มีข้อตกลงว่า ถ้าหนังออกจากโรงชั้นหนึ่งแล้ว ต้องมาฉายที่โรงหนังบางแครามาทันที ธุรกิจนี้บางครั้งก็ขาดทุน เพราะหนังฉายที่โรงชั้นหนึ่งแล้วไม่ได้เงิน เมื่อหนังมาฉายที่โรงหนังบางแครามาแล้ว รายได้ยังไม่พอค่าดอกเบี้ยก็มี แต่เถ้าแก่ก็บอกผมว่าไม่เป็นไร ช่วยๆเขาไป ถ้าเขาเกิดสร้างหนังแล้วได้เงิน เขาคงไม่ลืมเรา

มีปรากฏการณ์หนึ่งที่ช็อควงการหนังไทยเวลานั้นคือ มีหนังของเขมรเรื่องหนึ่งชื่อ งูเก็งกอง หนังนี้สร้างด้วยฟีล์ม 16 มม. แต่เนื้อเรื่องแปลกมากๆ ฉายแล้วทำเงินได้มากมาย ที่โรงหนังบางแครามาฉายเพียงสามวัน ต้องเสริมเก้าอี้ทุกรอบ ตามที่เล่ากันมาว่าชาวเขมรผู้สร้างหนังเรื่องนี้ เอาหนังเรื่องนี้มาเสนอขายบริษัทจัดจำหน่ายหลายแห่งในเมืองไทยตอนนั้น ไม่มีใครกล้าซื้อเหตุผลคือเป็นหนังขนาด 16 มม. ตอนนั้นหนังไทยสร้างด้วยฟีล์ม 35 มม.กันหมดแล้ว แต่มีบริษัทเยาวราชฟีล์ม (ผมจำชื่อผู้ซื้อไม่ได้แล้ว) เสี่ยงซื้อหนังเรื่องนี้ด้วยราคาถูกๆ พอฉายโรงชั้นหนึ่งเท่านั้นแหละจากปากต่อปากของคนดู หนังเรื่องนี้ดังระเบิดเถิดเถิงทันที ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เรียกว่าติด บ็อคออฟฟิส ทันที สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้คนซื้อ

สุดท้ายนี้ขอเสนอภาพใบปิดหนังไทยฝีมือ เปี๊ยก โปสเตอร์ ครับ

Advertisement

เกี่ยวกับ หนุ่มร้อยปี

ชอบดูหนัง ฟังเพลงเก่า เล่าความหลัง นั่งเล่นเน็ต ถ่ายรูป อ่านหนังสือ
ข้อความนี้ถูกเขียนใน คนขายเงา คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s