ผมพูดถึงศูนย์การค้าเพลินจิตอาเขต ที่สี่แยกเพลินจิต เชื่อว่าหลายท่านคงไม่เคยไปเที่ยว จึงขอบรรยายภาพรวมโดยสังเขปให้ทราบดังนี้ ศูนย์การค้าเพลินจิตอาเขต ด้านหน้าติดถนนเพลินจิต ตรงสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีเพลินจิต วันนี้ ด้านข้างติดถนนวิทยุ ตัวศูนย์การค้าแบ่งออกเป็นสองโซน โซนด้านหน้าเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าต่างๆแบบพลาซ่าทั่วไป ด้านหลังมีอาคารสำนักงานให้เช่าสูง(ประมาณ) 15 ชั้น
ที่โซนด้านหน้าค่อนไปทางด้านสำนักงานให้เช่า มีร้านค๊อฟฟี่ชอฟอยู่ร้านหนึ่ง บรรยากาศน่านั่ง อาหารและเครื่องมีรสชาดดี ผมมักจะมานั่งพักผ่อนตอนบ่ายๆดื่มกาแฟเย็นกับกินของว่างที่อร่อยอย่างหนึ่งคือ กล้วยหอมแช่น้ำผึ้งทอด และที่ร้านนี้ด้านข้างเขาแบ่งที่นั่งเป็นบล็อกๆ บล็อกหนึ่งนั่งได้ประมาณ 3-6 คน มีบล็อกอยู่บล็อกหนึ่งตรงทางเข้า บล็อกนี้เป็นบล็อกที่นั่งประจำของ คุณเสถียร เสถียรสุต เจ้าของศูนย์การค้านี้ ลูกค้าทั่วไปห้ามนั่ง ตอนแรกผมก็ไม่ทราบ เห็นทำเลดีก็จะนั่ง พนักงานเสริฟแจ้งว่าบล็อกนี้นั่งไม่ได้ เป็นบล็อกประจำของเจ้าของศูนย์การค้านี้ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้เห็นตัวจริงคุณเสถียร เดินเข้ามาพร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวน 3-4 คน เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว ผู้ติดตามคนหนึ่งก็จะเอาโทรศัพท์ที่ใช้ตามบ้านมาเสียบปลั๊กเข้าที่ผนังด้านข้าง เข้าใจว่าคงมีการเดินสายมาจากสำนักงานด้านบน และคุณเสถียรก็จะรับโทรศัพท์หรือโทรออก เพราะสมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แค่นี้ก็นับว่าสะดวกมากแล้ว ส่วนผู้ติดตามก็จะนั่งบล็อกข้างๆ
ในวงการพระเครื่องเมืองไทยวันนี้ยกย่องให้คุณเสถียรเป็นระดับเซียนใหญ่ของวงการ เพราะสะสมพระดีพระเก่าหายากไว้จำนวนมากมาย ถึงขนาดให้สมญานามว่ากรุพระเครื่องคุณเสถียร ทีเดียว ดูบุคลิกเป็นคนรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ ใบหน้าเคร่งขลึม น่าเกรงขาม
ดิสโก้ฟีเวอร์ที่ผมมาเป็นผู้จัดการ อยู่ชั้นล่างของอาคารสำนักงานให้เช่า มีทางเข้าด้านถนนวิทยุ เปิดบริการเวลา 20.30 น. และปิดเวลา 01.30 น. วันศุกร์และวันเสาร์ปิดเวลา 03.30 น. พนักงานเสิร์ฟที่นี่ได้รับการยอมรับจากลูกค้านักท่องราตรีว่าสวย น่ารักมาก เพราะคัดเลือกมาจากนักศึกษาที่มาสมัครงานเพื่อหารายได้ช่วยในการเรียน สำหรับดีเจที่ทำหน้าที่เปิดแผ่นเสียงให้แขกเต้นรำนั้น มีความสามารถพิเศษในการเปิดแผ่นที่เพลงสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไม่หยุด อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง พื้นฟลอร์สำหรับเต้นรำเป็นแผ่นพลาสติกใสมีไฟอยู่ด้านล่าง ระบบไฟจะสัมพันธ์กันทั้งด้านบนฟลอร์และใต้พื้นฟลอร์ สวยงามเร้าใจเป็นอย่างยิ่ง
ดิสโก้ฟีเว่อร์เปิดดำเนินการอย่างราบรื่นไปได้ประมาณ 6-7 เดือน บรรดาหุ้นส่วนก็ทะเลาะกัน หุ้นส่วนหลักมีสามคน แต่ละคนก็พาเพื่อนมาลงทุนด้วยคนละสามคน รวมหุ้นส่วนทั้งหมดเก้าคน ทุกคืนหุ้นส่วนทั้งเก้าคนจะมานั่งที่หน้าเคาเตอร์เป็นแถว แขกที่มาเที่ยวก็ไม่สามารถจะมานั่งได้ ผมเคยขอร้องให้ไปนั่งที่โต๊ะใดโต๊ะหนึ่ง และจะจัดให้เป็นพิเศษ หุ้นส่วนก็ไม่ยอม บอกว่ามองอะไรไม่ชัดนั่งที่เคาเตอร์ดีกว่า ผมต้องยอมแพ้เพราะท่านทั้งหลายเป็นหุ้นส่วนเปรียบเสมือนเจ้าของนั่นเอง
เมื่อเปิดดำเนินการไปเกือบจะครบปี แขกกำลังติดสถานที่เป็นอย่างดี อยู่ๆก็ได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าของศูนย์การค้า ขอยกเลิกสัญญาเช่าสถานที่ในฐานะผิดสัญญาที่เปลี่ยนกิจการโดยไม่แจ้งเจ้าของสถานที่ เพราะเดิมทีเสี่ยอ๋าหุ้นส่วนคนหนึ่งเช่าสถานที่เปิดเป็นร้านอาหารจีน ถามว่าทำไมเจ้าของศูนย์การค้าจึงไม่แจ้งยกเลิกสัญญาเสียแต่แรกๆ ปล่อยให้ดำเนินการมาเกือบปี จนธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่านี่คือกลยุทธ์ในการขอขึ้นค่าเช่าสถานที่ เพราเจ้าของศูนย์การค้าคงจะมีคนของเขามาสังเกตุการณ์อยู่นานแล้ว
หุ้นส่วนเกิดความคิดเห็นไม่ตรงกัน เพราะแต่ละคนก็มีธุรกิจอย่างอื่นของตนอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการที่จะลงทุนทำธุรกิจนี้ต่อไป สุดท้ายก็เลิกกิจการต่างคนต่างไป ผมก็สงสารพนักงานของคลับจำนวน 40-50 คน ก็ต้องคกงานตามระเบียบ รวมทั้งตัวผมด้วย เอวังก็มีด้วยประการ ฉะนี้
แปลกแต่จริงครับ ผมทำงานที่ ดิสโก้ฟีเว่อร์ นายเกือบปี แต่ผมมีที่ระลึกมาถึงวันนี้เพียงชิ้นเดียวคือ รูปถ่ายผมในคืนแนะนำการเปิดตัวต่อสื่อมวชน ถ่ายโดยช่างภาพนิรนามคนหนึ่งจาก นสพ.จีนฉบับหนึ่ง โปรดดูครับ