ในที่สุดผมก็หวนกลับคืนเป็น”คนโรงแรม”อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตระเวณไปหาประสบการณ์อาชีพอื่นๆนานหลายปี
ผมเข้าทำงานที่โรงแรมใหม่ชื่อ โรงแรมแกรนด์ เดอ วิลล์ หน้าวังบูรพา ตามที่กล่าวมาโดยสังเขปแล้วในตอนก่อน(ตอนคนขายสินค้าโชห่วย 3) โรงแรมนี้สร้างบนเนื้อที่เพียงสองไร่เท่านั้น มีความสูง 21 ชั้น จำนวน 220 ห้อง เป็นโรงแรมสุดท้ายของเขตพระนครก่อนที่จะมีเทศบัญญัติห้ามมิให้สร้างอาคารสูงเกิน 12 ชั้น เนื่องจากเป็นเขตเกาะรัตนโกสินทร์
โรงแรมนี้เป็นของตระกูล ตังทัตสวัสดิ์ ฉะนั้นจึงบริหารงานแบบระบบครอบครัว มีผู้บริหารที่เป็นข้าวนอกนา(ไม่ใช้นามสกุลตังทัตสวัสดิ์) 3 คนคือ ผู้จัดการทั่วไป (คุณอัชฌา จารุวัสต์ ) ผมและหัวหน้าช่าง เริ่มกันที่ เจ้าสัวกัญจน์ ตังทัตสวัสดิ์(คุณพ่อ)เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.(พิเศษ)นพ.กำพล ตังทัตสวัสดิ์(ลูกชายคนโต) เป็นกรรมการผู้จัดการ คุณสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์(ลูกชายคนที่สอง) เป็นรองกรรมการผู้จัดการ ภรรยา นพ.กำพล เป็นแม่บ้าน ภรรยาคุณสิงห์(คุณบุญทิวา) เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ลูกสาวรองคนสุดท้อง เป็นผู้จัดการฝ่ายต้อนรับ มีเพียงคุณอนันต์ ตังทัตสวัสดิ์ ลูกชายคนสุดท้อง ที่ไม่ได้เข้ามาร่วมสังฆกรรมด้วย
ดังนั้นคงจะพอหลับตาเห็นว่าผู้บริหารประเภทข้าวนอกนาอย่างผม และเพื่อนร่วมงานอีกสองคนจะอยู่ในสายตาของคนในครอบครัวตลอดเวลา ถามว่าอึดอัดใจใหม ก็ต้องตอบว่ามากๆเลยละ แต่ก็ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนในครอบครัวของเจ้าของโรงแรมให้ได้ ไหนๆก็หลวมตัวเข้ามาแล้วนี่ โดยเฉพาะผมรับหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลและธุรการ ย่อมมีเรื่องมากมาย ไหนจะต้องเขียนระเบียบข้อบังคับของโรงแรม แต่ก่อนที่โรงแรมจะเปิดทำการผมต้องสัมภาษณ์คนสมัครงานนับเป็นจำนวนหลายร้อยคน หนักหนาสาหัสกว่าที่โรงแรมปอยหลวงมากนัก ต้องจัดทำหน้าที่งานของพนักงานทุกระดับ (Job Description) จัดทำแผนผังองค์กร ฯลฯ ท้ายสุดต้องประชุมปฐมนิเทศพนักงานทั้งหมด (Orientation)
จำได้ว่าคืนก่อนที่จะเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการ(Grand Openning)ผมและคุณอัชฌา จารุวัสต์ หลาน พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสต์ อดีตผู้ว่าการ อสท.ไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะต้องเตรียมงานทุกอย่างให้เรียบร้อย
วันที่เปิดโรงแรมผมจำไม่ได้ จำได้ว่าเปิดเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 นาน 23 ปีมาแล้ว ผมมาทราบภายหลังว่านพ.กำพล ท่านมีที่ปรึกษาอยู่คนหนึ่งทำงานที่โรงแรมเอราวัณ(ยุคเก่า) ท่านมักจะข้ามถนนจาก รพ.ตำรวจไปกินข้าวและขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาคนนี้เกือบทุกวัน ดังนั้นที่ท่านคุยกับผมเป็นสิบครั้งนัยว่าเพื่อทดสอบว่าผมรู้งานจริงหรือเปล่า โชคดีที่ผมรู้งานจริงๆ(ไม่ได้โม้นะ) จึงรอดตัวไปด้วยประการฉะนี้
และคุณอัชฌา จารุวัสต์ก็ได้รับการฝากงานจากที่ปรึกษาคนนี้แหละ