ช่วงทศวรรษพ.ศ. 2530-2540 นับเป็นช่วงตลาดอบรมและสัมมนาบูมสูงสุด นอกจากสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคล ยังมีองค์กรที่จัดอบรมสัมมนาในรูปแบบสมาคมอีกหลายสมาคม อาทิ สมาคมการจัดการงานบุคคล(PMAT) สมาคมการจัดการธุรกิจ(TMA) สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เป็นต้น และคณะต่างๆของมหาวิทยาลัยมีชื่อ อาทิ คณะรัฐศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ยังเข้ามามีส่วนในการแบ่งตลาดการอบรมและสัมมนานี้ด้วย
กลยุทธทางการตลาดที่สถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคลใช้ ในการขายหลักสูตรการอบรมฯคือ การตั้งชื่อหลักสูตรให้จูงใจ เช่นเดียวกับการตั้งชื่อภาพยนตร์ อาทิ หลักสูตร “จะเป็นผู้จัดการขายยุคใหม่ต้องพัฒนาตนอย่างไร” “สู่มิติใหม่ของเลขานุการทันสมัย” “ศาสตร์และศิลป์ในการเป็นผู้บังคับบัญชา” “เทคนิคการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและการวางแผนงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ” “เทคนิคการบริหารสวัสดิการอาวุธและอาภรณ์ขององค์กร” “กลยุทธการบริหารลูกค้าสัมพันธ์เพื่อความเป็นเลิศด้านการขาย” “ศาสตร์และศิลป์การเป็นนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ” ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับวิทยากรที่จะเชิญมาบรรยายหรือผู้นำการสัมมนา จากประสบการณ์ของผมสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ วิทยากรที่ใช้ความรู้เป็นหลัก เช่น ศาสตราจารย์ภิธาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประจวบ อินอ็อต (ถึงแก่กรรมแล้ว) ยาซีน เอส เอ็ม มูตู ไพบูลย์ สำราญภูติ ผศ.ดร.กิ่งพร ทองใบ รังสฤษดิ์ จันทรัตน์(นักวิขาการกรมสรรพากร) กมล รัตนวิระกุล เสถียรภาพ พันธ์ไพโจน์ เสนีย์ แดงวัง ฯลฯ วิทยากรที่ใช้ศิลปะการพูดเป็นหลัก เช่น ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ เสน่ห์ ศรีวุรรณ จตุพร ชมภูนิช ฯลฯ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาว่าวิทยากรที่เชิญมาบรรยายนั้น มีประสบการณ์การพูดในหัวข้อเรื่องอะไร หากเชิญผิดงานอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้
สำหรับการประชาสัมพันธ์หลักสูตรที่ใช้กันตอนนั้นคือ ส่งโบรชัวร์ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่งข่าวไปลง นสพ.รายวัน เช่น ไทยรัฐ (มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ก็ลงข่าวยากที่สุดเช่นกัน)
สถานที่อบรมก็ใช้โรงแรมชั้นหนึ่งระดับสามดาว เช่น โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ โรงแรมแมนดาริน สามย่าน โรงแรมมณเฑียร สุริวงศ์ โรงแรมโนโวเทล เป็นต้น จำนวนผู้เข้าอบรมแต่ละหลักสูตรถัวเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 30-40 คน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 10-15 คน (Break Even) อัตรค่าเข้าอบรมประมาณคนละ 1,500-2,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคล จัดอบรมหลักสูตรต่างๆเดือนละ ประมาณ 3-4 หลักสูตร นอกจากนี้ยังรับจัดอบรมภายในบริษัท (Inhouse Trainning) อีกด้วย การจัดอบรมประเภทนี้มีกำไรมากกว่าการจัดอบรมทั่วไปตามโรงแรม เพราะไม่ต้องเสี่ยงว่าจะมีผู้เข้าอบรมมากน้อยแค่ไหน บริษัทที่เป็นลูกค้าของสถาบันฯมีอยู่หลายแห่งในย่านสมุทรสาคร และบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น บริษัท โมบิลออย จำกัด บริษัท ตรีเพชร (อีซูซุ) จำกัด เป็นต้น
การทำงานอะไรก็ตามย่อมมีปัญหาเข้ามาเป็นอุปสรรคอยู่เสมอ ผมก็ประสบปัญหาสมองไหล(พนักงานถูกซื้อตัว) มีบริษัทจัดอบรมเกี่ยวกับภาษีอากรแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่แถวบางซ่อน ไปจัดอบรมพร้อมกับสถาบันฯของผมที่โรงแรมอินทรา เห็นพนักงานของผมมีบุคลิกที่ดี หน้าตาสวยงาม มีความคล่องตัวในการทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่การกล่าวต้อนรับผู้เข้าอบรม การแนะนำวิทยากรรับเชิญ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะผมพิถีพิถันในการว่าจ้างพนักงาน ต้องมีการศึกษาจบระดับปริญญาตรี บุคลิกดี บริษัทฯดังกล่าวเห็นแล้วถูกใจ จึงชวนไปอยู่กับเขา ตอนนั้นผมจ้างคนละ 1,200 บาท เขาให้ราคาทันทีคนละ 2,500 บาท เรียกว่าซื้อโดยไม่สร้างคน พนักงานของผม 5 คนที่สามารถออกงานได้ ถูกซื้อตัวไปหมด
ตอนนั้นผมเซ็งมากแต่ไม่โทษพนักงานนะ เพราะอนาคตของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ว่าจะอยู่ที่ไหน ผมหมดกำลังใจที่จะสร้างคนอีกแล้ว เผอิญตอนนั้นคุณเฉิดศักดิ์ ประธานกรรมการบริษัทฯ มีที่ปรึกษาคนใหม่เป็นอาจารย์มาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาศรัทธาที่ปรึกษาคนใหม่นี้มาก ทำนองคนใหม่ไฉไลกว่าคนเก่านั่นเอง ผมเริ่มมีความขัดแย้งกับเขา ในที่สุดก็ทราบว่าที่ปรึกษาคนใหม่เขาจะมาบริหารบริษัทฯที่ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ ผมก็โอเคตกลงแต่มีข้อแม้ว่า ห้ามมิให้ดำเนินการอบรมในนามสถาบันฯที่ผมเป็นผู้อำนวยการ ทุกอย่างก็จบลงด้วยประการฉะนี้
ผมก็กลับมานอนพักอยู่บ้านพร้อมกับชื่อสถาบันฯที่ผมตั้งขึ้น และประวัติการทำงานที่ผ่านมาในอดีต ต่อมาก็ทราบว่าที่ปรึกษาคนใหม่ก็ไม่สามารถจะดำเนินการอะไรได้ เพราะขาดประสบการณ์เกี่ยวกับงานอบรมสัมมนา ไม่มีพนักงานที่จะทำงาน (เพร่ะถูกซื้อตัวไปหมดแล้ว) มีแต่สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ประดับสำนักงานเท่านั้น