บล็อกของ WordPress ได้ปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ใหม่ ทำให้การเข้าเขียนบล็อกลำบากยุ่งยากมาก
วันนี้แทบจะหาทางเข้ามาเขียนบล็อกใหม่ไม่ได้
ผิดพลาดประการใด โปรดให้อภัยด้วยครับ สวัสดีครับ
บล็อกของ WordPress ได้ปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ใหม่ ทำให้การเข้าเขียนบล็อกลำบากยุ่งยากมาก
วันนี้แทบจะหาทางเข้ามาเขียนบล็อกใหม่ไม่ได้
ผิดพลาดประการใด โปรดให้อภัยด้วยครับ สวัสดีครับ
จากโพสต์ที่ 37 ย่อหน้าสุดท้าย ผมกล่าวถึงปัญหาขาข้างซ้ายที่มีปัญหา ผมได้ไปพบหมอประจำตัวแล้ว เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หมอส่งตัวไปทำทีซีสแกนสมอง ปรากกฏว่ามีเลือดไหลซึมในสมองบางส่วน ต้องรับการผ่าตัดด่วนวันนี้
ผมจึงต้องแอดมิตเพื่อผ่าตัดด่วน และกลับบ้านเพื่อพักฟื้นเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์
และต้องทำกายภาพบำบัดทันที เพื่อฟื้นฟูร่างกาย เช่นขาข้างซ้ายที่อ่อนแรงเดินไม่ได่
ขณะนี้ก็ทำกายภาพบำบัดมาเดือนกว่าเกือบสองเดือนแล้ว
สรุปแล้วชีวิตวันนี้คงจะต้องจัดการกับสุขภาพอีกระยะหนึ่ง
ขึ้นปีใหม่ 2563 มาแล้วเดือนกว่า วันนี้คือวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 มาอัพเดทชีวิตดูว่า ปีใหม่นี้ชีวิตจะสุขหรือทุกข์ประการใด
ชีวิตยามสูงวัย เห็นจะไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับเรื่องสุขภาพ เพราะสัจธรรมของชีวิตคือ เกิด แก่ เจ็บ (สุขภาพ) และตาย
สุขภาพของผมตอนเริ่มต้นปีใหม่ทำท่าจะไปไม่สวย เพราะโรคเก่า ไอแบบมีเสมหะ มาเยือน ต้องไปหาหมอประจำตัว เบิกยาประจำมาทานต่อ ส่วนโรคเก่าอื่นๆยังทานยาควบคุมได้อยู่
ส่วนอาการคันเพราะผิวแห้งตามแขน ขา เริ่มบันเทาลงมาก ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องตายังไม่ดีเท่าที่ควร พลาดนัดพบจักษุแพทย์เมื่อปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ยังรอวันนัดพบอีกครั้ง
เท่าที่กล่าวเรื่องโรคต่างๆมาข้างต้น จะเห็นว่าล้วนสร้างความไม่สงบสุขให้ชีวิตค่อนข้างมาก แต่ผมก็ทำใจยอมรับมันได้ เพราะมันคือสัจธรรมของชีวิต
ที่สังเกตุอย่างอื่นๆของร่างกายในขณะนี้ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจับตาดู นั่นคือการเดินเริ่มจะไม่สะดวก การทรงตัวไม่ค่อยจะดี ขาข้างซ้ายยกไม่ค่อยจะขึ้น เวลาเดินเหมือนจะลากขาข้างซ้าย น่าจะเป็นผลพวงจากการเป็นอัมพฤกษ์เมื่อปี 2542 หากมีอาการไม่ดีขึ้น คงต้องไปปรึกษาแพทย์ประจำตัว
คงจะอัพเดทเรื่องสุขภาพไว้เท่านี้ มีอะไรที่น่าสนใจจะมาพบท่านอีกครั้งครับ
พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครั
มาอัพเดทชีวิตวันนี้ของผมว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากชีวิตอายุย่างขึ้น 81 ปีแล้ว
เริ่มกันที่สุขภาพก่อนครับ เพราะคนอายุ 80 ปี สุขภาพมีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด หากสุขภาพไม่ดี ชีวิตก็จะไม่มีความสุข จะทำกิจกรรมอะไรให้ชีวิตก็ลำบาก
โดยรวมสุขภาพของผมก็ยังถือว่าดีพอสมควร ยังสามารถไปไหนมาไหนได้ โดยเฉพาะการไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัว ปีนี้สามารถไปเที่ยวได้หลายทริป อาทิไปเที่ยวเชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
ที่น่ากังวลคือเรื่องตา ที่ไปผ่าตัดจอประสาทตาเมื่อต้นปี 2562 ยังมองอะไรไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม จักษุแพทย์นัดตรวจตาอีกครั้งเดือนมกราคม 2563 นี้
อาการไอก็ยังทานยาควบคุมได้อยู่ ที่น่ารำคาญที่สุดคือแขนทั้งสองข้างมีการคันเพราะผิวแห้ง
นอกนั้นไม่มีอะไรที่น่าห่วงมากนัก
จากเรื่องสุขภาพแล้ว ชีวิตก็ยังดำเนินไปได้ดีตามสมควร งานกิจกรรมอบรมของสมาคมการบริหารโรงแรมไทยก็ยังไปช่วยได้ตามปกติ
สรุปแล้ว ชีวิตผมก็ยังโอเคครับ อีกไม่นานก็จะขึ้นปีใหม่ 2563 แล้ว ก็มาลุ้นกันอีกครั้งว่า ชีวิตจะเป็นอย่างไร
พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
ช่วงนี้ผมมักจะบอกใครต่อใครเสมอๆว่า “ปีนี้ผมอายุ 81 ปีแล้วนะ” เมื่อเวลาใครๆถามว่าอายุเท่าไร
ผมมีความภาคภูมิใจที่มีอายุยืนยาว ไม่เคยคิดเป็นปมด้อยหรืออับอายใครที่บอกอายุจริงเขาไป เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่า การมีอายุยืนและมีสุขภาพดีระดับหนึ่งนั้น ควรจะดีใจและภูมิใจ อย่างน้อยก็เป็นคนส่วนน้อยในประเทศนี้ที่มีอายุยืน แม้ประเทศไทยจะยังไม่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Ageing Sosiety) จนกว่าจะถึง พ.ศ.2565
การที่มีอายุยืนในประเทศ(ไทย)ที่ยังมีพื้นฐานรองรับไม่สมบูรณ์นั้น ก็มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันในระดับหนึ่ง เช่นระบบการขนส่งสาธารณะ บริการสำหรับผู้สูงอายุตามสถานที่ต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น ผู้สูงอายุจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปที่ต่างๆด้วยตนเอง หากไม่มีใครไปด้วย
ผมเองถือว่าค่อนข้างโชคดีที่สามารถไปไหนด้วยตนเองได้ และยังเดินทางไปต่างจังหวัด ร่วมกิจกรรมกับบุคคลอื่นๆ เช่น การไปถวายเทียนพรรษา 9 วัดกับมณีกุลทัวร์ ซึ่งปฏิบัติมากว่า 10 ปีแล้ว และการไปเที่ยวต่างจังหวัดเทศกาลต่างๆกับครอบครัว เป็นต้น
วันนี้มาพูดคุยเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
#มณีกุลทัวร์
#ถวายเทียนพรรษา 9 วัด
โพสต์ที่แล้ว (33) ผมเขียนไว้ว่า เมื่อชีวิตขึ้นรอบ 81 ปี สิ่งที่จะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ สุขภาพ
เพราะหากสุขภาพไม่ดี เจ็บออดๆแอดๆ มีชีวิตยืนยาวไปก็ไร้ค่า ซ้ำยังเป็นภาระให้คนใกล้ชิดและลูกๆอีกด้วย
นับตั้งแต่เดือนเกิด(พฤษภาคม)เป็นต้นมา สุขภาพที่ผมวิตกกังวลมากคือ การไอเรื้อรัง ที่เกิดจากปอดได้รับควันบุหรี่ สมัยตอนยังหนุ่มทำงานเป็นผู้จัดการไนท์คลับ”ออสการ์คลับ” รร.ชวลิต ปัจจุบันรวมเป็น รร.แอมบาสซาเดอร์ ถนนสุขุมวิท ซอย 11-13
ตอนอายุยังน้อยร่างกายแข็งแรง ก็ไม่รู้สึกผิดปกติอะไร มันมาส่งผลต่อร่างกายเมื่อเข้าช่วงสูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นมา
พยายามทำตัวใกล้หมอ มันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่มันดาหน้าเข้ามารุมเร้าร่างกายได้
ทุกวันนี้ต้องกินยาหลังอาหารเช้าอยู่หลายตัว หมอประจำตัวที่ดูแลรักษากันมาตั้งแต่อายุ 60 ปี บอกว่าต้องกินไปตลอดชีวิต อมิตพุทธ
ที่กล่าวมาข้างต้น ก็ไม่ได้ท้อถอยกับชีวิตนะ เพราะใจยอมรับแล้วว่า อะไรจะเกิดให้มันเกิด พร้อมจะตั้งรับมันทุกรูปแบบ
ซาบซึ้งกับพุทธภาษิตที่ว่า “อโรคยา ปรมา ลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
สวัสดีสำหรับวันนี้ พบกันใหม่โพสต์ต่อไปครับ
ปีนี้ผมจะมีชีวิตขึ้นรอบ 81 ปี เมื่อครบรอบวันคล้ายวันเกิด 14 พฤษภาคม ปีนี้
ชีวิตปีนี้เริ่มต้นด้วยการเข้ารับการผ่าตัดจอประสาทตาสองครั้ง เมื่อวันที่ 8 มกราคม และวันที่ 11 มีนาคม ที่แผนกตา รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า การผ่าตัดจอประสาทตาทำให้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปพอสมควร เพราะหลังจากผ่าตัดแล้ว ตาก็ยังมองอะไรไม่ชัดเหมือนเดิม ทำให้การใช้เครื่อง พีซี ไม่สะดวก การใช้มือถือก็ยังไม่ค่อยสะดวกเหมือนกัน
คุณหมอตาผู้ผ่าตัดบอกว่าคงต้องใช้เวลาประมาณหกเดือน ทุกอย่างจึงจะปกติเหมือนเดิม วันที่เขียนโพสต์นี้ก็ประมาณสี่เดือนกว่าแล้ว
วันคล้ายวันเกิดปีนี้ (14 พฤษภาคม) บุตรชายคนโต(กบ ธนวรรณ ศรีสมบูรณ์)และภรรยาของเขา(แหวว ปุณณภา ศรีสมบูรณ์) อาสาพาไปเลี้ยงฉลองเมื่อวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พาไปสวนอาหารแห่งใหม่ที่อำเภอบางเลน นครปฐม ชื่อ “เมืองรัตติยา” นับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของบางเลน นอกจากที่ “ดูบัว” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีไปแล้ว
เมืองรัตติยา เดิมทีเป็นโรงสีข้าวเก่า อยู่ติดแม่น้ำท่าจีน ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นสวนอาหาร มีหลายโซนนอกจากร้านอาหาร เช่นตลาดจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น อาหารการกินแบบท้องถิ่น และสินค้าอื่นๆที่น่าสนใจ สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาใหม่คือ ป้อมและกำแพงโบราณริมแม่น้ำท่าจีน และสะพานสีแดงข้ามคลองเล็กๆในสวนอาหาร เป็นจุดถุ่ายภาพของคนที่มาเที่ยว
เมืองรัตติยาเพิ่งเปิดมาไม่กี่เดือน จึงมีผู้คนไปเที่ยวไม่มากนัก สุดสัปดาห์ไหนมีวันหยุดหลายวัน ลองไปเที่ยวชมดูนะครับ
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ภาพประกอบโดย แหวว ปุณณภา
ชีวิตของผมวันนีีนอกจากจะใช้ชีวิตไปตามสโลแกนที่ตั้งไว้คือ ชอบดูหนัง ฟังเพลงเก่า เล่า(เขียน)ความหลัง นั่งเล่นเน็ต ยังมีงานกิจกรรมพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นพิธีกรจัดอบรมหลักสูตรต่างๆให้กับสมาคมการบริหารโรงแรมไทย หรือ http://www.facebook.com/thmaorth ซึ่งสมาคมฯจะจัดปีละประมาณ 2-3 หลักสูตร งานนี้ต้องไปนอกบ้าน เพราะสมาคมฯจัดอบรมที่โรงแรมชั้นหนึ่งหลายแห่ง
การเป็นพิธีกรก็ไม่ยากสำหรับผม เพราะมีประสบการณ์มานานหลายปี นอกจากจะได้พบปะผู้คนในแวดวงโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆทั่วประเทศแล้ว ยังมีโอกาสได้เพิ่มประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้บริการและสถานที่โรงแรมแบบทันสมัย ที่เปิดใหม่ปีละหลายแห่ง
การมีโอกาสออกนอกบ้านไปยังสถานที่ต่างๆ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อชีวิตวันนี้มาก เพราะทุกอย่างมีการปรับเปลี่ยนไปตามความเจริญของยุคสมัย ไม่ว่าจะระบบการคมนาคมที่ทันสมัย เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย หากไม่มีโอกาสได้พบเห็นหรือสัมผัสด้วยตนเอง จะไม่สามารถตามทันได้อย่างแน่นอน
ยิ่งชีวิตมีเวลาเหลือน้อยลงเพียงใด ยิ่งจำเป็นต้องก้าวไปให้ทันเสมอ ทั้งนี้เพื่อใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่อย่างมีคุณค่า
ผมพบแอพฯตัวหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผมให้มีสีสันเพิ่มขึ้น จากที่ปฏิบัติเป็นประจำคือ ดูหนัง ฟังเพลงเก่า เล่า(เขียน)ความหลัง นั่งเล่นเน็ต
แอพฯตัวที่ว่าคือ http://www.podcast.com หรือเรียกสั้นๆคือ Podcast หรือ พ็อดคาส เป็นแอพฯที่เก็บคลิปเสียง เหมือนที่แอพฯยูทูปเก็บคลิปภาพ หนัง และเพลง ที่ชาวเราคุ้นเคยเล่นกันประจำนั่นเอง
แอพฯนี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้บนสมาร์ตโฟนทั้งระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส แอพฯนี้มีคลิปเสียงการบรรยายของผู้คนหลากหลายอาชีพ เช่น นักวิชาการ,นักธุรกิจ,พิธีกรโทรทัศน์,พระภิกษุ,เป็นต้น
จากที่ทดลองเล่นมาระยะหนึ่ง พบว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะสามารถตอบโจทย์เราได้ ในยามที่เราไม่ิยากฟังเพลง ไม่อยากเล่นโซเชียลมีเดีย จะอ่านหนังสือก็ไม่สะดวก ก็เปิดแอพฯพอดคาสต์ฟังเรื่องต่างๆที่มีคนมาบันทึกไว้
ที่ผมติดตามฟังอยู่ทุกวันนี้คือ Nopadol’s Story,Mission to the moon,หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช,ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เป็นต้น
ท่านที่สนใจลองดาวน์โหลดมาเล่นครับ แล้วท่านจะพบว่าโลกยุคดิจิตัลวันนี้มีอะไรให้กับชีวิตเราได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ได้มาเขียนชีวิตวันนี้สองสามเดือนแล้ว หลายท่านที่ติดตามอ่านประจำคงจะแปลกใจว่าหายไปไหน ยังคงมีชีวิตอยู่ครับ แม้ชีวิตจะไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เพราะโรคภัยไข้เจ็บยังติดตามรบกวนอยู่เสมอ จึงต้องทำตัวใกล้หมออยู่เสมอ
แต่ผมก็ยังปฏิบัติกิจกรรมพิเศษประจำปีเช่นเคย คือไปถวายเทียนพรรษา 9 วัดกับ มณีกุลทัวร์ สำหรับปีนี้ 2561ไปถวายเทียนตามวัดรายทางจากเพชรบุรี ไปประจวบคีรีขันธ์ นอนที่ประจวบหนึ่งคืน ( วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม) วันรุ่งขึ้นวันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคม เดินทางไปเมืองตะนาวศรี และมะริด พม่า ผ่านด่านสิงขร
ปีนีัผมและครอบครัวเป็นเจ้าภาพถวายเทียนพรรษา วัดที่ 8 คือวัดไกลกังวล อำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
ถนนจากด่านสิงขรไปเมืองมะริด พม่า กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะทางประมาณ 8 กม. ที่กำลังก่อสร้างสภาพถนนเลวร้ายมาก ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ แถมมีฝนตกหนัก ถนนจึงเละเทะมาก มณีกุลทัวร์ใช้รถมินิบัสและรถตู้ท้องถิ่นจำนวน 3 คัน รถติดหล่มทั้งขาไปและขากลับ ถนนเส้นนี้ตัดผ่านเลียบเชิงเขาตะนาวศรี สองข้างทางเป็นหุบเหวน่ากลัวมาก หากถนนเส้นนี้สร้างเสร็จทิวทัศน์สองข้างทางจะสวยงามมาก ระยะทางจากด่านสิงขรไปเมืองมะริด ประมาณ 128 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม.
ที่เมืองมะริดคณะทัวร์ มณีกุลทัวร์ เข้าพักที่โรงแรม แกรนด์ เจด เป็นโรงแรมระดับดีของมะริด จำนวน 2 คืน เดินทางกลับไทยวันจันทร์ที่ 30 กรกฏาคม
ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ถึงมะริด ไกด์ชาวพม่าก็พาชมสถานที่สำคัญเป็นการประเดิม และตลอดวันอาทิตย์พาเที่ยวชมสถานที่สำคัญตลอดวัน ส่วนใหญ่สถานที่ไปชมจะเป็นวัดและเจดีย์ที่มีประวัติเก่าน่าสนใจ
โดยสรุปการไปถวายเทียนพรรษา 9 วัดและการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นการพิสูจน์สมรรถนะร่างกายผมว่า ยังปกติดีในระดับหนึ่ง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ