เมื่อเช้าวันนี้(9สิงหาคม2560)โพสต์ข้อความขึ้นเฟสบุ๊คว่า “อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ก่อนจะเดินทางไปใกล้หมออีกวันที่ รพ.บางกรวย นนทบุรี
พุทธภาษิตที่นำมาเกริ่นไว้ต้นข้อเขียนนี้ นับเป็นสัจธรรมของชีวิตอย่างแท้จริง
การเจ็บไข้ไม่ว่าจะโรคอะไร เป็นความทุกข์ของคนไข้และผู้ใกล้ชิด นอกจากคนไข้จะทรมานด้วยอาการเจ็บป่วยแล้ว ญาติและผู้ใกล้ชิดยังทรมานร่างกายที่ต้องมาดูแลคนไข้ และมีค่าใช้จ่ายมากมายตามอาการเจ็บไข้แต่ละราย
อย่างไรก็ตามการเจ็บไข้ของคนเรานั้น เป็นปลายเหตุ ต้นเหตุนั้นอยู่ที่พฤติกรรมของคนเราคือ เรามีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตอย่างไร โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร ซึ่งนักโภชนาการสรุปไว้ 5 อย่างคือ 3อ.2ส. ดังนี้
อาหาร/ออกกำลังกาย/อารมณ์ และ
ไม่สูบบุหรี่/ไม่ดื่มสุรา
หากคนเราประพฤติปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมแล้ว โอกาสที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บก็น้อย ถึงมีบ้างก็ไม่หนักหนาอะไร
ผมเองก็พยายามดูแลตนเองเป็นประจำ นับตั้งแต่เข้าสู่วัยสูงอายุมาถึงวันนี้ก็ 20 ปีแล้ว ประพฤติตนเป็นคนใกล้หมอมาตลอด ยึดหลัก “กันดีกว่าแก้” แต่ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บมาราวีอยู่เสมอ
สัปดาห์นี้ (7-12 สิงหาคม 2560) ไปพบหมอมาสองครั้งแล้ว ครั้งที่สองคือวันนี้ ไปพบหมออายุรเวช ที่ รพ.บางกรวย นนทบุรี เอ็กซเรย์ปอด ฉีดยาและพ่นยา เพื่อรักษาการหายใจไม่สะดวก มีเสมหะในคอและไอผิดปกติ เสร็จสิ้นกระบวนการรักษาแล้ว รู้สึกหายใจสะดวก มีชีวิตชีวามากขึ้น สบายใจไร้กังวล มีความสุขตามวัยที่ควรจะมี แค่นี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐในระดับหนึ่งแล้ว
หากไม่มีโรคเลย ลองคิดสิว่าจะประเสริฐขนาดไหน
ภาพประกอบโดย (แหวว)ปุณณภา ศรีสมบูรณ์